วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

โสดแล้วไง! มาดูข้อดีของชีวิตสาวโสดกัน

ความรัก

 สาวคนไหนยังไร้คู่ชูมือสูง ๆ เลยค่ะ จะได้รู้ว่ายังมีเพื่อนอยู่ ... เห็นไหม ๆ คนเป็นโสดก็ยังมีอยู่อีกเยอะแยะ จะเศร้าไปไย ชีวิตสาวโสดตัวคนเดียวไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้น ออกจะอิสระเสรี อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องตามใจหรือเอาใจใคร เอ้า ! นี่ไม่ได้ปลอบใจสาวโสดนะเนี่ย ใครยังไม่เชื่อ ลองมาดูกันเลยว่าชีวิตสาวโสดน่ะดียังไงบ้าง

1. ทำความรู้จักเพื่อนชายใหม่ ๆ ได้ไม่ต้องเกรงใจใคร


          ก็คนมันมีมนุษย์สัมพันธ์ดี จะคุยถูกคอกับเพื่อนต่างเพศบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หากคุณมีแฟนแล้ว แล้วดันไปคุยถูกคอกับหนุ่มอื่น มีหวังโดนข้อหามีกิ๊กแน่ ๆ แต่ว่าถ้าโสดอยู่ล่ะก็ จะต้องไปแคร์อะไร ถูกชะตากับใครก็คุยกันได้เต็มที่ ถือว่าเป็นการทำความรู้จักเพื่อนชายใหม่ ๆ ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องเกรงใจใครนั่นเอง 

2. สวยบ้างเซอร์บ้างไม่ต้องเป๊ะทุกวัน
          อีกหนึ่งข้อดีของชีวีตแบบโสด ๆ คือไม่ต้องสวยเป๊ะไปให้ใครชมทุกวันก็ได้ บางทีเราก็อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัวโทรมบ้างเซอร์บ้าง ผมกระเซิงไม่เป๊ะ ใส่เสื้อไม่ได้รีดบ้างอะไรแบบนี้ ก็สบาย ๆ กันไป

3. สุดเหวี่ยงกับปาร์ตี้แบบโอเวอร์ไนท์

          โสด ๆ แบบนี้จะออกไปปาร์ตี้สนุกสุดเหวี่ยงเมื่อไหร่ ที่ไหน กับใครก็ได้ แถมไม่ต้องเป็นกังวลว่างานจะเลิกเมื่อไหร่ หรือว่าต้องโทรรายงานตัวกับหวานใจจอมจู้จี้ เพื่อนคุณอาจยกหูกริ๊งกร๊างมาชวนตอนกลางดึก หากคุณอยากไปเสียอย่าง ก็แค่ตอบตกลงแล้วเปลี่ยนชุดสวยออกไปได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนทำให้ใครตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยล่ะ 

4. สุดสัปดาห์ที่เงียบสงบ 

          เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่รอคอยมาถึง หากคุณมีแพลนอยู่ในใจก็ลงมือทำได้เลย ไม่ว่าจะเป็นนอนเอกเขนกเอนดูซีรี่ย์ตั้งแต่ซีซั่นแรกยันปัจจุบัน สั่งพิซซ่ามากิน ใส่เสื้ออยู่บ้านตัวที่เน่าที่สุด (ซึ่งมักเป็นตัวที่ใส่สบายที่สุด) ตัดขาดจากโลกภายนอกได้อย่างสิ้นเชิง โดยไม่ต้องเกรงใจหรือรู้สึกผิดอะไร หากคนมีคู่เขาคงแอบรู้สึกผิดนิด ๆ ที่ไม่ได้ให้เวลากับคู่ของตัวเองน่ะ

5. นอนดิ้นแค่ไหนก็ได้


          คนมีหวานใจคงจะนอนร่วมเตียง ห่มผ้าห่มผืนเดียวกัน แถมยังต้องระวังไม่ดิ้นเปะป่าย จะพลิกตัวก็ต้องทำเบา ๆ เดี๋ยวจะไปกวนอีกฝ่ายให้ตื่นขึ้นมากลางดึก แต่หากคุณเป็นโสดแล้วล่ะก็ เอาเลย อยากดิ้นกลับหัว 360 องศา ก็ทำได้เต็มที่ จะต้องไปสนอะไร ก็นี่มันเตียงของคุณนี่นา

6. ไร้ซึ่งสงครามรีโมท

          เป็นโสดก็อยู่ตัวคนเดียวสบายใจ อยากดูทีวีรายการไหนก็จิ้มได้เลย ไม่ว่าจะเป็นละครหลังข่าว หรือว่าเกมโชว์ไร้สาระ ที่อีกฝ่ายอาจไม่ชอบ ไม่ต้องทำสงครามหรือสนธิสัญญาแบ่งรีโมทประเภทที่ว่า วันคู่รีโมทเป็นของฉัน วันคี่รีโมทเป็นของเธอ เพราะตอนนี้มันเป็นของคุณคนเดียวเท่านั้น

ความรัก

7. ไม่ต้องจำใจไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนของแฟน


          เวลามีแฟนก็ต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไปเฮฮาปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนของเขาด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้สาว ๆ หลายคนลำบากใจ เพราะวางตัวไม่ถูก ไม่สนิทสนม ไปด้วยแล้วรู้สึกว่ากลายเป็นตัวประหลาดอยู่คนเดียว ท่ามกลางกลุ่มคนที่ไม่คุ้นเคย (แฟนก็ดันเอาแต่คุยกับเพื่อน ไม่เห็นสนใจเราเลย) ถ้าเกิดเป็นโสดล่ะก็ ข้อนี้ก็ตัดออกไปได้เลย

8. บริหารเสน่ห์ได้เต็มที่

          จะเรียกว่าเฟลิร์ตก็ไม่ผิดหรอกนะเนี่ย แต่การได้เฟลิร์ตบ้าง บริหารเสน่ห์เล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง นับเป็นความสุขขั้นพื้นฐานของสาวโสดนี่นา สบตาเขาให้นาน ๆ หน่อย แตะแขนแตะไหล่ใกล้ชิดสักนิด ส่งข้อความน่ารัก ๆ ให้บ้าง (ไม่ว่าจะแฝงเจตนาใด ๆ เอาไว้หรือไม่ก็ตาม)  ก็ทำได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจใครเลยนะ (ก็เรามันโสดนิ)

9. ประสบการณ์รักเก่ากลายเป็นเรื่องเล่าบนโต๊ะอาหาร

          ประสบการณ์รักครั้งเก่าของใครก็ตาม มักเป็นหัวข้อบทสนทนาที่ฮอตที่สุดบนโต๊ะอาหารเสมอ คนที่มีแฟนมานั่งร่วมโต๊ะด้วยคงจะเล่าได้ไม่สะดวกใจไม่สบายปากนัก แต่หากเป็นคนโสดอย่างคุณล่ะก็ เล่าได้เต็มที่เลย (ถ้าคุณไม่ถือสาไม่คิดมากนะ) ถึงมันจะไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งก็เถอะ แต่ว่าเรื่องของคุณจะทำให้คุณกลายเป็นดาวเด่นของมื้อนั้น ไปได้ง่าย ๆ เลยล่ะ

10. ทำตามใจตัวเองได้ ไม่ต้องขอความเห็นใคร

          เมื่อชีวิตเดินมาถึงทางแยก คุณต้องตัดสินใจเลือกเดินทางไหนสักทาง คุณชอบใจพอใจแบบไหนคุณก็ตัดสินใจลงมือทำได้ทันที โดยไม่ต้องขอความเห็นใคร ไม่ต้องกลัวว่าการตัดสินใจของคุณจะทำให้ใครเขาเดือดร้อนหรือไม่ชอบใจ เพราะตอนนี้ชีวิตอยู่ในมือของคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น

11. อยากกินอะไรก็ได้ตามใจ  

          คุณคงไม่ปฏิเสธว่าหากจะชวนแฟนทานมื้อเย็นด้วยกันสักมื้อ เป็นเรื่องที่สร้างความยุ่งยากให้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการออกไปกินข้าวนอกบ้าน ที่กว่าจะเลือกร้านเลือกอาหารให้ถูกปากถูกใจทั้งสองฝ่ายก็ใช้เวลานานพอดู หรือนัดมากินที่บ้านที่คุณ ที่ต้องเตรียมอาหารโปรดของเขาเพื่อเอาใจ ทั้ง ๆ ที่คุณก็ไม่ค่อยชอบกินเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่หากอยู่เป็นโสดแล้วล่ะก็ อยากจะทานอะไรก็ได้ตามใจปาก หรือถ้าคร้านจะออกไปหาอะไรดี ๆ กิน แค่ซีเรียลกับนมเท่านี้ก็พอ ไม่ต้องคอยห่วงใครด้วยว่าจะกินเหมือนกับคุณได้หรือเปล่า สบายตัวสบายใจดีแท้

ความรัก

12. มีความเป็นส่วนตัวแบบสุด ๆ


          แม้จะมีคนบอกว่า คนรักกันคือคู่ที่สามารถเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่าง และแสดงความเป็นตัวของตัวเองแก่กันได้เต็มที่ ไม่ต้องมีเขินอาย แต่กรณีนี้เรามองข้ามเรื่องความเขินอายไปสักนิด มันเป็นเรื่องของมารยาทต่างหากล่ะ คนโสดอาจต้องแสร้งทำเป็นรับได้ (หรือทำใจยอมรับ) หากคนรักจะเรอบนโต๊ะอาหาร หรือยกเท้าขึ้นมาตัดเล็บดังกิ๊บ ๆ แถมยังกระเด็นไปทั่วอีก อยู่เป็นโสดไม่ต้องมาทนกับอะไรแบบนี้หรอกนะ...ขอบอก

13. คล่องตัว


          คู่รักที่ดีจะตัดสินใจทำอะไรต่าง ๆ "ร่วมกัน" นั่นหมายความว่าต้องมีการปรึกษาหารือเพื่อหาข้อสรุป ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจคุณหวังไว้ แต่หากอยู่ตัวคนเดียว อะไร ๆ ก็ฟรี ๆ อยู่แล้ว จะตัดสินใจไปเที่ยวไหน กินอะไร ทำอะไร ก็ทำได้สบาย ๆ หรือจะเปลี่ยนการตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วน ในนาทีสุดท้ายก็ไม่มีใครว่า ไม่มีใครเดือดร้อน เห็นไหมล่ะ อยู่ตัวคนเดียวคล่องตัวดีจะตายไป

14. ความรู้สึกของเดทแรกที่หาไม่ได้จากคนที่มีคู่รัก

          จำความรู้สึกของการออกเดทครั้งแรกได้ไหมว่า มันรู้สึกตื่นเต้น ใจเต้นตึกตักขนาดไหน (ในเคสที่คุณเคยมีแฟนมาก่อนน่ะนะ) หากคุณเป็นโสดแล้วล่ะก็ คุณสามารถสร้างความรู้สึกแบบเดทแรกขึ้นมาอีกกี่ครั้งก็ได้ ตราบเท่าที่คุณยังมีหนุ่ม ๆ แวะเวียนเข้ามาในชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่คนมีคู่แล้วทำไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลยทีเดียว 

          เห็นไหมล่ะคะ อยู่เป็นสาวโสดอย่างนี้ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันนะ ไม่ได้ห่อเหี่ยวเงียบเหงาอย่างที่ใคร ๆ เขาว่าสักหน่อย รักตัวเอง หาความสุขให้ตัวเองได้เต็มที่ ไม่ต้องง้อใคร ก็เรามันสวย เลิศ เชิด โสดซะอย่าง...จริงไหม! 

อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

6 ความสวยที่ควรเลี่ยง เมื่อไปงานกลางคืน

ส่วนที่จะให้แสดง


6 ความสวยที่ควรเลี่ยง เมื่อไปงานกลางคืน

ส่วนที่เหลือ

           การ ไปงานปาร์ตี้ตอนกลางคืน เป็นโอกาสหนึ่งที่สาว ๆ หลายคนจะได้โชว์ความสวยได้อย่างดีเลยทีเดียว เลยไม่แปลกที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะพิถีพิถันเรื่องการแต่งหน้าทำผมไปงานกลางคืน กันอย่างที่เรียกว่าใส่ใจทุกระเบียดนิ้วเลยล่ะ อ๊ะ ๆ แต่ถึงแม้ว่าสาว ๆ จะตั้งใจแต่งหน้าทำผมให้เนี๊ยบอย่างสุด ๆ ในโอกาสนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงจะดูสวยพริ้งกันซะทุกคนนะจ๊ะ เพราะบางคนก็ตกม้าตายทั้งจากการพิถีพิถันแต่งหน้าสวย ทั้งจากการละเลยอะไรบางอย่างให้ดูขาดไปเลยล่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอหยิบยกเรื่องของความผิดพลาดที่มักจะพบเห็นกันได้ บ่อย ๆ ในงานกลางคืนมาฝากกัน ให้สาว ๆ ที่อยากจะโดดเด่นและสวยพริ้งได้หลีกเลี่ยงกันจ้า

  1. กลิตเตอร์เปล่งประกาย อร่ามสุด ๆ ปฏิเสธกันไม่ได้เลยว่าเครื่องสำอางที่ผสมกลิตเตอร์นี้ทำให้ผิวสวยของเราดู ขาววิ๊งขึ้น และทำให้เรามีออร่าโดดเด่น แต่การใช้กลิตเตอร์มากไปกลับทำให้คุณดูเป็นแม่สาวพราวระยิบระยับเป็นลิเก อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น สาว ๆ ควรลงกลิตเตอร์แบบบางเบาเท่านั้นก็พอค่ะ ยังไงแสงไฟตอนกลางคืนก็ตกกระทบกับผิวให้สว่างขึ้นอยู่แล้ว อย่าถึงขั้นโดดเด่นจนน่ากลัวในงานเลยค่ะ

2. ไม่ใช้เครื่องสำอางเพิ่มความสว่างใสเลย ในขณะที่กลิตเตอร์ระยิบระยับดูไม่ดี การไม่ใช้กลิตเตอร์ช่วยเพิ่มความสว่างก็ไม่ดีเช่นกันค่ะ เพราะมันจะทำให้คุณไม่มีออร่าจับเลยล่ะ อย่างน้อย ใช้เครื่องสำอางที่มีกลิตเตอร์เพิ่มความสว่างใสสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นบลัชออน อายชาโดว์ และแป้งฝุ่น รับรองว่าคุณจะดูสวยเป็นธรรมชาติ โดดเด่นกว่าเครื่องสำอางสีด้าน ๆ ที่ไม่มีประกายใด ๆ เลย

  3. เล็บไร้ซึ่งสีสัน จะออกงานกลางคืนทั้งที จะโดดเด่นแค่หน้าตาและทรงผมคงจะดูเหมือนแต่งสวยไม่เสร็จ และหนึ่งในสิ่งที่สาว ๆ ไม่ควรลืมก็คือการทาเล็บให้เข้ากับชุดค่ะ เพราะจะทำให้มือเรียวสวยของคุณนั้นดูโดดเด่นมากขึ้น เอ้า ไม่เชื่อก็ลองดูสิ
  4. ลิปไลเนอร์เด่นซะ สาว ๆ หลายคนอยากจะแต่งหน้าให้จัด ๆ ในตอนกลางคืน โดยเฉพาะเรียวปากที่ละเลยไม่ได้ ก็ขอเน้นให้โดดเด่นซะหน่อย ด้วยการใช้ลิปไลเนอร์เขียนซะหลายชั้น แถมไม่ใช้นิ้วเกลี่ยมันให้เข้ากับริมฝีปากเพราะกลัวว่าสีจะจางอีก ซึ่งเมื่อไปถึงงานแล้วได้ทานหรือดื่มอะไรไปแล้ว ก็เด่นชัดขึ้นมาจนเห็นรอยลิปไลเนอร์ชัดแจ๋ว งานนี้แทนที่จะดูสวยกลับดูเหมือนแต่งหน้าไม่เสร็จไปเลยล่ะ ดังนั้น สาว ๆ จึงไม่ควรละเลยที่จะเกลี่ยลิปไลเนอร์ให้กลมกลืนกับผิวและใช้ลิปสติกสีเดียว กับลิปไลเนอร์นะคะ

  5. อายไลเนอร์หรือมาสคาราเปื้อนรอบดวงตา งานนี้ถือว่าเฟลสุด ๆ เลยล่ะ เพราะนอกจากจะทำให้คุณกลายร่างเป็นแพนด้าสาวของงานแล้ว ยังดูเหมือนคุณไปลุยน้ำลุยโคลนสมบุกสมบันที่ไหนมาอีกด้วย สาว ๆ จึงต้องระวังเรื่องนี้กันนิดหนึ่งค่ะ ยิ่งหากคุณมีผิวที่มันง่ายแล้ว ก็ยิ่งเกิดคราบเปื้อนได้ง่าย ดังนั้นทางที่ดี ควรใช้อายไพรเมอร์ และมาสคาราแบบกันน้ำ อย่างน้อยก็ป้องกันตาแพนด้าระหว่างไปงาน ไม่ให้คุณตกเป็นเป้าสายตาหรือตัวตลกของใคร ๆ ค่ะ

  6. เน้นกลิตเตอร์บริเวณที่มันได้ง่าย เป็นข้อผิดพลาดแบบที่ไม่น่าให้อภัยเลยล่ะค่ะ เพราะโดยตัวกลิตเตอร์เมื่อเกลี่ยลงไปในผิวก็จะทำให้ผิวส่วนนั้นเปล่งประกาย และดูมันอยู่แล้ว ยิ่งหากคุณไปเน้นบริเวณที่มันได้ง่ายอีก พอหน้ามันเข้า ตัวกลิตเตอร์ก็จะยิ่งไปเน้นให้หน้ามันขึ้นไปอีกเท่าตัว

           และ ทั้งหมดนี้ก็คือความผิดพลาดที่พบเจอกันบ่อย ๆ ในหมู่สาว ๆ ที่แต่งหน้าไปงานกลางคืน ซึ่งมันทำให้คุณหมดสวย และถูกมองด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปเลยทันทีล่ะ ดังนั้น สาว ๆ จึงควรระวังเรื่องนี้ก็นิดนะคะ เพื่อที่จะได้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตาจนใคร ๆ มองว่าเป็นตัวตลกเหมือนที่หลายคนก็อาจจะเคยเผชิญมาแล้ว

อ่านต่อ

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สูตรกระชับรูขุมขน





ผิว หน้าที่ไม่เรียบ สีผิวไม่สม่ำเสมอ คงเป็นที่กวนใจใครหลาย ๆ คน สาว ๆ ทุกคนล้วนอยากมีผิวขาวสดใส มีน้ำมีนวล ที่สำคัญดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
สังขาร ย่อมร่วงโรยเป็นสัจธรรมชีวิต ความสดใสอ่อนเยาว์ก็เช่นกัน แต่ถ้าหากเราดูแล บำรุงเติมสารอาหารธรรมชาติให้ผิวเราอย่างสม่ำเสมอ ผิวของเราก็จะสดใส เปล่งปลั่งได้ (ชั่วคราว) เหมือนกัน

เรามีสูตรกระชับรูขุมขนที่สามารถหาได้ง่าย และทำเองได้ที่บ้านมาฝาก...

สูตรที่ 1 ไข่ขาว + มะนาว ตีไข่ขาวหนึ่งฟอง ใส่น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งให้แห้ง ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และปิดท้ายด้วยน้ำเย็น วิธีนี้อาจะไม่ต้องใช้น้ำมะนาวก็ได้ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่าย

สูตรที่ 2 สครับน้ำตาลทราย ใช่แล้วน้ำตาลทรายในครัวเราเนี่ยแหละ ผสมกับน้ำมันมะกอก น้ำผึ้งและน้ำมะนาว ขัดผิวหน้าเบา ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นจัดๆ กระชับรูขุมขนได้ดีนะเออ

สูตรที่ 3 น้ำแข็ง + มะนาว ทำความสะอาดผิวหน้าแล้ววักน้ำเย็น ๆ ราดรดทั่วใบหน้า หรือจะใช้ก้อนน้ำแข็งเนี่ยแหละ ห่อผ้านุ่ม ๆ แล้วถูให้ทั่วใบหน้า ความเย็นจากน้ำแข็งจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าหดตัว และรูขุมขนก็จะกระชับขึ้นชั่วคราว จากนั้น ซับหน้าให้แห้ง เอาน้ำมะนาวทาให้ทั่วใบหน้า น้ำมะนาวจะทำหน้าที่เป็นแอสตริงเจนต์ที่จะช่วยกระชับรูขุมขนด้วยอีกทางหนึ่ง

สูตรที่ 4 มะเขือเทศ + แอพริคอต สูตรบำรุงผิวหน้าด้วยมะเขือเทศยังคงใช้ได้เสมอ แต่คราวนี้จับคู่มากับแอพริคอตมาร่วมด้วยช่วยกันกระชับรูขุมขน แค่บดทั้ง 2 อย่างให้เข้ากัน ทาทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออก

สูตรที่ 5 ผักกาดหอม + มะนาว บดผักกาดหอมซัก 2-3 ใบให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำมาผสมกับน้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก

สาวไหนจะถนัดใช้สูตรอะไรมาปรนนิบัติผิว ก็เลือกกันได้ตามสบายเลย แต่อย่าลืมว่า ดูแลตัวเองจากภายนอกแล้ว ก็อย่าลืมดูแลตัวเองจากภายในด้วยละกัน

อ่านต่อ

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บทความดีๆน่าอ่าน สระผมอย่างไร ให้ถูกวิธี

  

  1. ควรหวีผมก่อนสระทุกครั้ง ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวผมเส้นเล็ก เส้นใหญ่ ผมมัน หรือผมแห้ง เพราะการหวีผมก่อนสระจะช่วยทำให้ผมไม่พันกันระหว่างสระผม ซึ่งจะช่วยลดการแตก หรือขาดของเส้นผมได้ และที่สำคัญการหวีผมก่อนสระจะช่วยลดปัญหาผมพันกันจนหวีออกไม่ได้หลังสระด้วย ค่ะ
  2. ล้างผมเป็นเวลา 15 วินาทีก่อนลงแชมพูทุกครั้ง เพื่อช่วยชะล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนเรือนผมออกไปก่อน จากนั้นค่อยใช้แชมพูเพื่อการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกต่อไป
  3. การล้างผมด้วยน้ำอุ่นจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก และความมันออกจากเส้นผมได้ง่ายกว่าการล้างผมด้วยน้ำเย็น ดังนั้น หากเป็นไปได้ ควรใช้น้ำอุ่นล้างผมก่อนสระ และใช้น้ำเย็นล้างผมหลังสระ เพื่อไม่ให้ผมแห้งค่ะ
  4. ชโลมแชมพูลงบนหนังศีรษะก่อน เสร็จแล้วค่อย ๆ นวดมาบริเวณปลายผม ไม่ควรชโลมแชมพูลงบนปลายผมโดยตรง เพราะจะทำให้ปลายผมแตก และอ่อนแอได้ง่าย ๆ
  5. ไม่ควรเกาหนังศีรษะขณะสระผม เพราะนอกจากจะทำให้หนังศีรษะเป็นแผลแล้ว อาจเป็นการทำร้ายผมอย่างไม่รู้ตัวเลยก็ได้
  6. ควรสระผม 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรก ส่วนครั้งที่สองเป็นการบำรุงเส้นผม จากนั้นล้างผมให้สะอาด
  7. หากใช้คอนดิชันเนอร์บำรุงผม หลังจากปล่อยทิ้งไว้ให้คอนดิชันเนอร์ซึมซาบลงสู่ผมแล้ว ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดเป็นเวลาครึ่งนาทีขึ้นไป เพื่อไม่ให้คอนดิชันเนอร์หลงเหลืออยู่บนเรือนผมและหนังศีรษะ ซึ่งอาจทำให้ผมร่วงหรือแห้งแตกได้
  8. บีบผมเบา ๆ อย่าดึงหรือสะบัดผมแรง ๆ เพราะเส้นผมจะอ่อนแอที่สุดเมื่อมันเปียก
  9. การทำให้ผมแห้ง ให้ใช้ผ้าค่อย ๆ ซับผมให้พอหมาด แล้วปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ หรือใช้ลมเย็นหรือพัดลมค่อย ๆ เป่าผม อย่าใช้ไดร์เป่าผมร้อน ๆ ถ้าไม่จำเป็น
  10. ไม่ควรหวีผมหลังสระผมเลย จนกว่าจะแน่ใจว่าผมแห้งแล้ว เพราะอาจจะขาดและหลุดร่วงได้ง่าย
สระผมครั้งต่อไป ควรทำให้ถูกวิธีนะคะ เพื่อสุขภาพผมที่ดีของเราค่ะ
ลิงก์ผู้สนับสนุน


อ่านต่อ